สุขภาพ health ความสวย ความงาม beauty ความรัก lover แต่งหน้า makeup ความอ้วน diet ผู้หญิง women ผู้ชาย men story Horoscope ดวงชะตา ดูดวง

ชีวิตหนึ่ง คนเราจะมีรองเท้าสักที่คู่กัน

ชีวิตหนึ่ง คนเราจะมีรองเท้าสักที่คู่กัน?


รองเท้า
    บางคนอาจมีมาก บางคนอาจมีน้อย แต่ต่อให้มีเป็นร้อยก็ย่อมมีรองเท้าที่ใส่อยู่บ่อยๆ แค่ไม่กี่คู่เท่านั้น ส่วนคู่ที่มีไว้แต่ไม่ได้ใส่บ่อยนัก เรามักจะมีมันไว้เพื่อใส่เอาใจคนอื่น ใส่ออกงานเพื่อความงามแม้เดินลำบาก ใส่ออกเดทในวันแรกๆ ที่เจอกัน ใส่ไปประชุมเพื่อความสุภาพ และใส่ไปนู่นมานี่ในสถานที่ที่เราไม่ใช่คนกำหนดเกม

    รองเท้าเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกถึงระดับความสุภาพของผู้ส่วมใส่ ความสุภาพจากการแต่งกายอาจเป็นเรื่องสมมุติ แต่มนุษย์ในสังคมต่างให้ความสำคัญ ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องมีรองเท้าหนังมันวาว หญิงสาวจึงต้องมีส้นสูงคู่สวยติดตู้เอาไว้ด้วยในโอกาสที่ต้องออกไปเผชิญกับสายตาอีกหลายร้อยคู่

    บ่อยครั้งที่เราใส่รองเท้าความความคาดหวังของสังคม ใส่รองเท้าตามที่เขาว่ากันว่าดี ว่ากันว่าเหมาะสมสวยงาม น้อยครั้งที่เราถามตัวเองว่า แท้จริงแล้วฉันอยากใส่รองเท้าอะไร

    ตั้งแต่เมื่อครั้งเรายังเป็นเด็ก เท้าเล็กเท่าฝาหอย มีพ่อแม่คอยใส่รองเท้าให้ ในตอนนั้นเรายังไม่มีปัญญาคลานไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อเลือกรองเท่าคู่ที่ถูกใจได้ เราจึงใส่รองเท้าตามที่พ่อแม่เลือกให้ว่าใส่แล้วน่ารัก

    พอเติบโตขึ้นหน่อย จังหวะที่พ่อแม่กำลังจะปล่อยให้เลือกรองเท้าด้วยตัวเอง เราก็ต้องเซ็งเมื่อโรงเรียนบังคับให้ใส่รองเท้าผ้าใบสีดำกับชุดนักเรียนสีขาว และรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลกับชุดลูกเสือ ไม่เปิดโอกาสให้ทดลองสร้างสรรค์ แม้กระทั่งการสลับรองเท้าขาวมาใส่กับชุดนักเรียนก็ถือว่าผิด! เป็นอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานจนกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัย เรียกได้ว่ารองเท้านักเรียนเป็นอุปกรณ์ตบแต่งให้เราเดินอยู่ในกฎระเบียบ ไม่โย้เย้ออกนอกเส้นทางที่ผู้ใหญ่เขาวางไว้ เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด เราจึงถนัดที่จะเดินตามมากกว่าเดินนำ และกลัวการล้มคะมำในการออกเดินไปในเส้นทางที่เราอยากเดิน

    การใส่รองเท้านักเรียนตามระเบียบนานเกินไป ทำให้เส้นรอบวงของความเป็นไปได้ในหัวใจหดแคบลง เราถนัดกับการเดินตามเส้นทางที่มีคนขีดให้มากกว่าจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ เอง

    รองเท้านักเรียนสีดำคู่นั้นทำให้เราคุ้นชินกับการเดินอยู่ในกรอบที่ปลอดภัยมากกว่าการเดินออกไปผจญภัยเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยลืมไปว่า "ความเสี่ยง" เป็นอีกชื่อของ "โอกาส"

    แล้วก็มาถึงวันที่เราถอดรองเท้านักเรียนที่ใส่จนชิน เตรียมโผบินไปสู่อิสระแห่งการเลือกรองเท้าเพื่อก้าวย่างไปสู่เส้นทางที่เราเลือกเอง แต่แล้วเราก็พบว่าเส้นทางที่เราเดินไปนั้นไม่ได้สวยงามแต่อย่างใด มันก็เป็นเส้นทางที่ถูกขีดไว้ตามความคาดหวังของสังคมไม่ต่างจากที่เราได้เดินผ่านมา สังคมเต็มไปด้วยความคาดหวัง ทั้งจากคนใกล้ตัวและผู้คนที่รายล้อม

    ในวันที่ได้เลือกรองเท้าเอง ใครบ้างได้เลือกเส้นทางที่ตัวเองอยากเดิน หลายคนอยากใส่รองเท้าผ้าใบ แต่กลับไปใส่รองเท้าหนัง หลายคนอยากใส่รองเท้าสตั๊ด กลับต้องไปใส่รองเท้าบู๊ต..

ไม่มีรองเท้าคู่ใดดีกว่าคู่ใด แต่คงจะดีถ้าเจ้าของรองเท้าได้ยืนตระหง่านอยู่บนรองเท้าที่ตนเลือกเอง ไม่ได้ถูกคาดหวัง หรือกดดันให้ต้องทนใส่คู่นั้น

    ชีวิตเป็นเส้นทางยาว เราต้องเลือกรองเท้าให้ดี หากได้รองเท้าที่เหมาะกับเท้าเรา ทุกย่างก้าวคงเต็มไปด้วยความสุข ตรงกันข้าม หากต้องเดินทางไปไกลกับรองเท้าที่ใส่ไม่สบาย ใส่แล้วถูกกัดให้เจ็บแสบตลอดเวลา หรือใส่แล้วเดิน หรือทำอะไรไม่ถนัด ก็คงไม่มีความสุขไปตลอดทางเช่นกัน

    ลองก้มลงมองรองเท้าตัวเอง พิจารณาว่า มันเป็นรองเท้าที่เราอยากใส่หรือไม่ แล้วเส้นทางข้างหน้ายังทอดยาวไปอีกไกลแค่ไหน เราจะใส่มันต่อไป หรือเปลี่ยนใจไปใส่รองเท้าคู่อื่น แล้วออกเดินทางไปตามเส้นทางที่รออยู่ข้างหน้า การเดินทางจะมีความสุขแค่ไหน ถ้ารองเท้าที่เราอยากใส่กับรองเท้าที่เราใส่อยู่..

เป็นคู่เดียวกัน



Thanks by นิ้วกลม

0 ความคิดเห็น: