สุขภาพ health ความสวย ความงาม beauty ความรัก lover แต่งหน้า makeup ความอ้วน diet ผู้หญิง women ผู้ชาย men story Horoscope ดวงชะตา ดูดวง

คู่รักเปรียบเสมือนตะเกียบหรือช้อนส้อม

คู่รักเปรียบเสมือนตะเกียบหรือช้อนส้อม


ช้อน ส้อม
    หากใครสักคนจะใช้ตะเกียบ คงต้องวางเทียบกันดู จับมายืนคู่กันแล้วจับมันเคาะกับโต๊ะ เพื่อตรวจสอบว่าตะเกียบคู่นี้สูงเท่ากันไหม ถ้าไม่เท่ากันเรามักจะหยิบอันใหม่มาเข้าคู่กับอีกอันหนึ่งซึ่งถืออยู่ในมือ เลือกสรรไปมาจนกว่าจะได้ตะเกียบที่สูงเท่ากัน จะให้ดีกว่านั้นต้องเป็นคู่ที่เมื่อวางประกบกันแล้วไม่มีช่องว่างจากอาการโก่งงอของอันใดอันหนึ่ง คือประกบกันได้แนบสนิทชิดแน่น สามารถที่จะคีบแผ่นก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ เส้นใหญ่ วุ้นเส้น บะหมี่ได้อย่างถนัดถนี่ไม่มีหลุดร่วง

ตะเกียบที่ดีควรจะมีหน้าตาที่ "เหมือนกัน"

    แต่นั่นมิใช่ลักษณะของช้อนส้อม ไม่เคยมีช้อนส้อมคู่ใดที่หน้าตาเหมือนกัน อันนั้นเป็นเรื่องที่แน่นอน เพราะขึ้นชื่อว่า "ช้อนส้อม" แต่ใช่ว่ามันจะเป็นสิ่งเดียวกันเสียเมื่อไหร่

ยังคงเป็น "ช้อน" ยังคงเป็น "ส้อม" อยู่ดังเดิม

    ช้อนมิได้พยายามทำตัวเป็นซี่ๆ ให้เหมือนส้อม เช่นเดียวกับที่ส้อมก็ไม่เคยฝนปลายแหลมแล้วทุบตัวเองให้แบนเป็นแผ่นเดียวเพื่อจะได้เหมือนช้อน

ช้อนก็เป็นตัวมัน ส้อมก็เป็นตัวเอง ความครื้นเครงจึงบังเกิด

    ในยามที่อยู่ไกลกันช้อนก็ใช้ชีวิตของมันไปตามปกติ คงมีบ้างที่มันคิดถึงส้อม "ถ้ามีส้อมเราคงทำอะไรได้ถนัดถนี่กว่านี้" แต่ถึงไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ไม่ง้อ แต่ก็สามารถอยู่เดี่ยวๆ ตัวคนเดียวได้ดยไม่เปลี่ยวเหงา

    ฝ่ายส้อมก็เช่นกัน ในวันที้ไม่มีช้อน มันไม่เคยเกี่ยงงอนแต่อย่างใด ยังคงใช้ปลายแหลมหลายซี่ของมันจิ้มลงไปในใส้กรอก ลูกชิ้น ให้คนหยิบขึ้นมากินได้สบายๆ มีชีวิตได้อย่างอิสระและมีคุณค่า

    ใช่หรือไม่ว่า ทั้งช้อนและส้อมต่างก็มีคุณค่าในตัวเอง ช้อนก็มีคุณค่าในแบบช้อน ส้อมก็มีคุณค่าในแบบส้อม และเมื่อทั้งสองมาอยู่ด้วยกันก็มีคุณค่าใหม่เกิดขึ้นมา เป็นคุณค่าของการอยู่ร่วมกัน และใช้สอยเวลาด้วยกันอย่างน่ารัก

    ช้อนเองก็ลดบทบาทลง เอียงตัวเข้าหาส้อมเพื่อให้ส้อมดันอาหารเข้าใส่ช้อนได้สะดวก ส้อมเองก็ลดหน้าที่ของตัวเองลง เปลี่ยนมาจิ้มอาหารให้อยู่นิ่งเพื่อให้ช้อนได้ตักและตัดอาหารได้สะดวกขึ้น

ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ก้าวก่ายและไม่เรียกร้องให้อีกฝ่ายต้องเป็นเหมือนตัวเอง

    เคารพในความแตกต่าง เพราะความแตกต่างระหว่างช้อนกับส้อมนี่เองที่ทำให้เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมันมีความหมายมากขึ้น

น่าจะดีกว่าช้อนคู่กับช้อน หรือส้อมคู่กับส้อม เมื่อทั้งสองช่วยกันเติมเต็มในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่มี

    ช้อนไม่มีปลายแหลมไม่มีซี่เอาไว้จิ้มชิ้นเนื้อ และเกี่ยวอาหารชนิดเส้นต่างๆ ขณะที่ส้อมเองก็ไม่สามารถตักน้ำแกงขึ้นมาซดได้ ส้อมจึงเบาใจเมื่อมีช้อน เช่นกันกับช้อนที่รู้สึกเหมือนกัน

    ความต่างที่อยู่คู่กันอย่างน่ารักของช้อนส้อม กระซิบบอกกับเราว่า คู่รักที่น่ารักก็น่าจะมีลักษณะคล้ายช้อนส้อมมากกว่าตะเกียบ

คือมิใช่คู่ที่เหมือนกันทุกรายละเอียด

    คิดเหมือนกัน รสนิยมเหมือนกัน ชอบอะไรคล้ายๆ กัน คู่รักไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นเสมอไป

ที่สำคัญ คู่แบบนั้นไม่น่าจะมีอยู่จริง

    คนเราเกิดมาจากคนละที่ มีพ่อแม่คนละคน มีประสบการณ์ภูมิหลังคนละแบบ ย่อมยากที่จะเหมือนกันไปทุกกระเบียดนิ้ว คู่รักหลายคู่เลิกรากัน เพราะคนหนึ่งเรียกร้องให้อีกคนหนึ่งเป็นเหมือนตัวเอง

บางคู่เลิกราโดยให้เหตุผลว่า "เราต่างกันเกินไป"

    ต่างกันเกินไปย่อมเป็นเหตุผลที่ทำให้คนอยู่ด้วยกันแล้ว "ไม่สนุก" ในทางตรงกันข้าม เหมือนกันเกินไปก็ทำให้รู้สึก "เบื่อ" เพราะเหมือนส่องกระจกเห็นตัวเองอยู่ตลอดเวลา

    ความต่างที่พอเหมาะนั่นกระมังที่เป็นเหตุผลให้คน 2 คน ต้องมีกันและกัน และช่องว่างระหว่างความต่างนั้น ต้องอาศัยเวลาในการปรับตัว กว่าช้อนกับส้อมจะรู้จักหวะและวาดลีลาบนโต๊ะอาหารได้อย่างร่าเริงคล่องแคล่ว ย่อมต้องใช้เวลา แต่เมื่อเข้าขากันแล้วก็อยู่กันยาว

    มิใช่ว่าช้อนกับส้อมจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ช้อนส้อมที่ "เข้าคู่" กันย่อมมีวัสดุ ลวดลาย และด้ามจับลักษณะเดียวกัน

ในความต่างมีความเหมือน
ในความเหมือนก็มีความต่าง
สิ่งที่อยู่ตรงกลางคือความรัก

    ความรักคือการยอมรับความต่างของคนที่เรารัก และพยายามปรับตัวเองเข้าหากันและกัน โดยมิถือว่า "ตัวฉัน" เป็นใหญ่ เมื่อรักใครสักคน เราย่อมสละความเป็นตัวของตัวเองเพื่อเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้แสดงความเป็นตัวเขา เช่นกันกับที่เขายอมสละความเป็นตัวเองในบางคราว เพื่อให้เราได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่

รักคือการผลัดกันเสียสละในจังหวะทีพอดี

    ถ้าเสียสละมากไปเราก็อึดอัด หากเสียสละน้อยเกินไป อีกฝ่ายก็ลำบากใจ รักอยู่ตรงกลางระหว่างความแตกต่างนั้น และรักทำให้ "ช่องว่าง" แห่งความแตกต่างได้รับการเติมเต็ม

คู่รักจึงคล้ายช้อนส้อมมากกว่าตะเกียบ

    ทั้ง 2 คนจะมีรูปแบบชีวิต รสนิยม ความชอบ อะไรต่อมิอะไรเหมือนกันหรือไม่นั้น ยังไม่สำคัญเท่ากับ ทั้ง 2 คนต้องชอบกัน

    ใช่, "ชอบเหมือนกัน" ไม่สำคัญเท่า "ชอบกัน" เพราะเมื่อชอบกันแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายจะเรียนรู้และทำความเข้าใจในสิ่งที่ชอบไม่เหมือนกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป

โดยอาศัยความรักเป็นสิ่งเติมเต็ม..



Thanks by นิ้วกลม

0 ความคิดเห็น: